iz net tv

Monday 10 December 2012

เรื่องย่อ เหนือเมฆ2 มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอน3 ละครช่อง3



ตอนที่ 3
จักรพาวิญญูเข้าไปในห้องคอมพิวเตอร์ เขารัว เคาะคีย์บอร์ดครู่เดียวก็ปรากฏรูป “สังข์ไชยมงคล” อยู่กลางจอพร้อมข้อมูลรายละเอียดเต็มไปหมด จักรสรุปให้ฟังว่า

“ในอินเตอร์เน็ต...เว็บบอร์ดหลายแห่งรายงานข้อมูลตรงกัน ส่วนหนึ่งของเทวาศาสตราวุธเพิ่งเข้ามาในกรุงเทพฯ”

วิญญู มองหน้าจอพึมพำอย่างพอใจว่าสังข์ไชยมงคล จักรนิ่งไปนิดหนึ่งรัวคีย์บอร์ดเจอภาพเก่าๆจากนิตยสารวัตถุมงคลระบุข้อมูล มากมาย เขาอ่านและเล่าว่า

“หลังจากสังข์ไชยมงคลถูกทำลาย เพชรยอดสังข์เปลี่ยนมือหลายครั้ง ถูกนำไปประดับเครื่องประดับหลายชนิด แต่ใครที่ครอบครองเพชรเม็ดนี้มีอันเป็นไปทุกครั้ง! และครั้งล่าสุด เพชรยอดสังข์กำลังจะถูกนำมาแสดงในงานเพชรในตำนานที่จะจัดแสดงในประเทศไทย อาทิตย์หน้า”

“ถ้าเราได้เพชรยอดสังข์มา ก็ไม่ต่างอะไรกับได้

สังข์ไชย มงคล คุณไสยทางเทวาศาสตราวุธยังคงอยู่บนเพชรเม็ดนี้ครบถ้วน” แล้วบอกจักรว่า “ฉันต้องการเพชรยอดสังข์ ยิ่งเรารวบรวมเทวาศาสตราวุธได้มากขึ้นเท่าไหร่ พลังและ อำนาจที่เราต้องการก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ” วิญญูยิ้มเหี้ยมอย่างมีความหมาย

ooooooo

คืนเดียวกันนี้ สมิงออกจากบ้านพัก ดักพวก นักเลงและขี้เหล้าที่ซ้อมตนเมื่อตอนเย็น พวกมันถามว่าแก๊งไอ้สรรึ?!

“เปล่า ไม่ใช่พวกไอ้สร แต่ข้าเป็นมัคนายกหลงยุคฯ ชอบกินน้ำหวานสั่งสอนชาวบ้านไงล่ะ” พวกนั้นถามว่ามาทำไม “ข้ามาโปรดสัตว์!”

พวก นักเลงกับขี้เหล้ากระตุกปืนออกมา แต่สมิงสู้ด้วยมือเปล่า ไม่นานพวกนั้นก็ถูกเล่นงานหมอบกระแตไปหมดทุกคน สมิงมองผลงานของตัวเอง แล้วเอามือสัมผัสท้ายทอย ดึงวัสดุสีขาวกลมๆเท่าเหรียญสลึงออกจากท้ายทอยของทุกคน

“พวกเอ็งโดนสะกด ข้าต้องช่วยพวกเอ็งให้หลุดพ้นจากความเป็นทาส” สมิงนิ่งไปนิดหนึ่ง พูดเหมือนประกาศว่า “วิญญาณชั่วกลับมาแล้ว!”

วิญญู รับรู้ในทันที เขาบอกจักรว่า “มีคนทำลายของของเรา” ยังไม่รู้ว่าเป็นใครแต่ “ไม่ว่าจะเป็นใคร...อีกไม่นานจะต้องปรากฏตัวแน่นอน ต่อไปงานของเราคงไม่ง่ายอย่างที่คิด” วิญญูปรายตามองจักรเหมือนกังวลใจไม่น้อย

สมิงกลับมาเอาวัสดุลูกกลมๆที่ได้มาทั้งหมด ใช้เทียนลนทำลายทีละลูก...ทีละลูก ด้วยสีหน้าเหี้ยม จริงจัง

ooooooo

เมฆานั่งเป็นประธานการประชุมที่ห้องประชุมพรรคไทธิวัตถ์ กรรมการบริหารคนหนึ่งกล่าวสรุปว่า

“เสนอให้คุณจักร อมตฤทธา เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงแทนท่านอนันต์ที่เสียชีวิตไป ขอผู้รับรอง”

ปรากฏว่าที่ประชุมรับรองทั้งห้อง เมฆาพูดเบาๆ กับคมศรว่า “ทำไมทุกอย่างถึงได้ง่ายไปหมด”

“นั่น สิครับ...ก่อนเข้าประชุมก็ตกลงกันแล้วว่าจะเลื่อนการลงมติไปก่อน กรรมการทำเหมือนโดนยาสั่ง” คมศรมองขนมที่วางตรงหน้ากรรมการพร่องไปหมดมีแต่ของเมฆากับเขาเท่านั้นที่ไม่ ได้แตะต้อง คมศรบอกว่า “ถ้าเป็นแบบนี้เราคงขัดมติที่ประชุมไม่ได้แน่ๆครับ”

จักร ยิ้มพอใจพูดในที่ประชุมว่า “ขอบคุณมาก ผมขอรับรองว่าจะทำงานเพื่อพรรคให้ดีที่สุด...กว่าที่เคยเป็นมา” และเมื่อเดินออกมา ยังดักถามเมฆาว่าจะไม่แสดงความยินดีกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่หน่อยหรือ

“ฉันไม่นิยมทำเรื่องที่ขัดกับความรู้สึก จะให้ยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับคนที่อยู่ในโลกสีเทา...คงเป็นไปไม่ได้!”

เขา จ้องหน้าจักรพูดเสียงเข้มว่า “ถ้าคิดทำอะไรไม่ถูกต้องจะไม่มีวันสำเร็จ! ในฐานะนายกรัฐมนตรี ฉันจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายประเทศไทยเด็ดขาด!”

“ยโส...แต่คงยโสไปได้อีกไม่นาน” จักรจิกตาใส่

“ต่อ ให้เป็นประชาชนคนธรรมดา ฉันก็จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับความอยุติธรรม ตราบใดที่ด็อกเตอร์เมฆายังมีชีวิตอยู่ จะไม่มีวันยอมให้คนชั่วคนเลวขึ้นมาเป็นใหญ่!”

จักรมองเมฆาอย่างไม่พอใจ ชำเลืองไปทางวิญญูที่อยู่ข้างๆ เห็นจ้องเมฆาเขม็ง! เมฆาไม่แยแสบอกคมศรว่า

“สั่ง หน่วยข่าวกรอง ตรวจสอบประวัติรัฐมนตรีทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ทั้งหมด ถ้ามีหลักฐานทุจริต ส่งให้ฉันทันที!” ชี้หน้าจักรปราม “ถ้าจะยืนอยู่ด้านมืด...ขอให้มั่นใจว่าอย่าพลาด! ถ้าพลาด สองเท้าที่ยืนจะได้ก้าวเข้าไปอยู่ในคุก!”

เมื่อเมฆากับคมศรเดินไป จักรพูดกับวิญญูอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ทำอะไรมันบ้างสิ”

“ไสย ศาสตร์ดำฯ ทำร้ายคนที่มีคุณธรรมและความดีหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลาที่ดวงจิตเข้มแข็ง เมฆามีคุณธรรมและความดีเป็นเกราะปกป้อง ถ้าจะทำอะไร เราต้องมีพลังอำนาจมากกว่านี้”

“หมายความว่า...” จักรมองหน้ารอคำตอบ

“ด้วย เทวาศาสตราวุธ ไสยศาสตร์ดำจะมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง อีกไม่นานหรอกจักร เมื่อเราได้เทวาศาสตราวุธทั้งสี่ชิ้น เราจะทำทุกอย่างได้ตามที่ใจต้องการ” วิญญูทิ้งท้ายอย่างมีความหมาย

ขณะเมฆานั่งในรถประจำตำแหน่งออกไปนั้น คมศรใช้ไอแพดตรวจดูงานพลางรายงานว่า จักรยังไม่ทันรับตำแหน่งเป็นทางการ ทีมงานก็เริ่มทำมาหากินกันแล้ว เมฆาถามว่ายังไง? คมศรเล่าว่า

“เสนอให้มี การประมูลดาวเทียมดวงใหม่ ล็อกสเป็กเรียบร้อย ล้มเลิกโครงการเดิมที่เสนอโดยท่านรองอนันต์ครับ” เมฆาถามว่าหมายถึงเปลี่ยนผู้รับเหมารายใหม่ใช่ไหม “ใช่ครับ...ไดมอนด์กะรัตเน็ตเวิร์กของ เพชรแท้ นวิยากุล เป็นตัวเก็งนอนมาแน่ครับ”

เมฆาทวน “นวิยากุล” คมศรีชี้แจงว่า “แม่แท้ๆของด็อกเตอร์แพรไพลิน ผู้อำนวยการนิติเทคฯไงครับท่านนายกฯ”

ooooooo

ที่ ห้องผ่าตัดในนิติเทคฯ แพรไพลินกำลังผ่าตรวจศพอนันต์อยู่ เจ้าหน้าที่เคาะคอมด้านข้างรายงานว่า ไม่พบสารเสพติดในร่างกาย แพรไพลินขอปากคีบรับปากคีบจากกุ๊บกิ๊บแล้ว เธอคีบวัสดุออกจากท้ายทอยของอนันต์ มันเป็นลูกกลมๆเหมือนที่สมิงทำลายไปไม่มีผิด แพรไพลินมองอย่างสงสัย

วิญญูรับรู้ในทันที บอกจักรหน้าเครียดว่า “มีคนพบของของเราในตัวอนันต์”

แพร ไพลินสั่งกุ๊บกิ๊บว่ายังไม่ต้องลงบันทึกว่าพบหลักฐานชิ้นนี้ เพราะ “ฉันต้องการตรวจสอบหลักฐานด้วยตัวเอง” กุ๊บกิ๊บทำท่าจะท้วงติง เธอตัดบทว่า

“ขอ ฉันตัดสินอนาคตด้วยตัวเอง มันเป็นหลักฐานชิ้นเดียวที่พิสูจน์ว่า รองอนันต์ไม่ได้คลุ้มคลั่งเพราะยาคลายเครียดของฉัน” แล้วเธอก็ชะงัก เมื่อพยาบาลเข้ามาบอกว่า ผบ.มีเรื่องด่วน
ผบ.รวิเอาใบสั่งพักงานมาให้เธอ เซ็น บอกว่าเธอถูกพักงานไปจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าอนันต์ไม่ได้คลุ้มคลั่งเพราะยา ที่เธอฉีดให้ก่อนตาย พูดอย่างไม่ยี่หระว่า

“นี่ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัว คนอย่างฉันผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก”

“แต่เท่าที่จำได้ ผบ.รวิไม่เคยเห็นน้องสาวลูกคน

ละ แม่ทำอะไรถูกเลยสักครั้ง ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ฉันต้องโดนสอบทุกครั้งที่สืบเรื่องเสี่ยงๆ ฉันเลือกไม่ได้หรอกนะที่จะเป็นลูกเมียแต่ง และเวลานี้ฉันกับแม่พูดกันนับครั้งได้”

รวิย้ำว่า ถึงอย่างไรเธอก็ถูกสั่งพักงานแล้ว แพรไพลิน เซ็นชื่อในคำสั่ง พูดปลงๆว่า
“คุณธรรม กับอำนาจ...มักจะไม่มาพร้อมกัน” รวิมองขวับถามว่าพูดอะไรนะ “ฉันแค่พูดเตือนตัวเองให้ยอมรับความจริง แต่ฉันเชื่อในสัจธรรม...ความดีชนะทุกสิ่ง” จ้องหน้ารวิก่อนเดินออกไป รวิมองตามไปอย่างไม่พอใจ

ooooooo

แพรไพลินกลับมาที่ห้องทำงาน เอาลังมา เก็บของ ไม่นานก็ได้รับโทรศัพท์จากเพชรแท้ผู้เป็นแม่บอกว่าคิดถึง ชวนกลับมาทานข้าวเย็นกันหน่อยเพราะเราไม่ได้พบกันหลายเดือนแล้ว
แพรไพลิน พูดดักคออย่างเย็นชาว่า ต้องการอะไรบอกมาเลยดีกว่า ไม่จำเป็นต้องทานข้าวให้เสียเวลา เพชรแท้ถามว่า ฟังจากน้ำเสียงกำลังมีปัญหาใช่ไหม มีอะไรก็ปรึกษาแม่ได้ แล้วรวบรัดให้มาทานข้าวกันบอกว่า “แม่จะรอ”

วางสายจากแพรไพลินแล้ว เพชรแท้หยิบแฟ้มเอกสารหนึ่งขึ้นเปิดดู เป็นแฟ้ม...

“โครงการดาวเทียมดวงใหม่ Diamond Karat Networks”

เก็บ ของเสร็จแพรไพลินขนของลงมาที่รถ มีถุงพลาสติกขนาดเล็กใส่ลูกกลมๆวางอยู่ ขมังเวทย์รับรู้ว่าเธอจะเอาลูกกลมๆนั้นไปวิเคราะห์ที่บ้าน คำราม “ด็อกเตอร์ แพรไพลิน!” แล้วหลับตาเพ่งหาที่อยู่ของเธอ

ที่เคาน์เตอร์นิติเทคฯ แสงกล้ามาหาแพรไพลิน กุ๊บกิ๊บบอกว่าโดนพักงานไปแล้ว เขาตกใจเพราะอนาคตตนอยู่กับเธอ ถามว่าเธอจะกลับมาทำงานอีกเมื่อไร กุ๊บกิ๊บ บอกว่าไม่รู้ แสงกล้าหน้าเครียดถามว่า แล้วตนจะเจอเธอได้อย่างไร กุ๊บกิ๊บตกใจประหม่าหน้าตื่น เมื่อโทร.เข้ามือถือ แพรไพลินไม่ได้เอาติดตัวจึงไม่มีคนรับสาย สุดท้ายแสงกล้าใช้ไม้แข็งพูดจนกุ๊บกิ๊บยอมส่งพิกัด GPS เข้าเครื่องของเขา

กลับ มาถึงห้องทำงานที่ทาวน์โฮม แพรไพลินคิดถึงคำพูดของแม่ที่ว่า “ในเวลาไม่มีใคร แม่อยากให้หนูรู้ว่ายังมีแม่...ที่รักและหวังดีกับหนูมากที่สุด” คิดถึงที่นภาพูดถึงแม่เมื่อครั้งอยู่ที่รีสอร์ต ในที่สุดหยิบโทรศัพท์บ้านโทร.ไปหาเพชรแท้ ปรากฏว่าไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมาย ให้ฝากข้อความ เธอจึงฝากข้อความ “แม่คะ... พรุ่งนี้เย็นเจอกันค่ะ”

พอวางโทรศัพท์ เธอยิ้มอย่างสบายใจที่ตัดสินใจได้แล้ว

เมื่อขมังเวทย์เพ่งหาจนเจอที่อยู่ของแพรไพลินก็ลุกพรวดออกไปทันที

แพรไพลินเริ่มตรวจสอบลูกกลมๆว่ามีสารประกอบอะไรบ้าง อันดับแรกพบว่ามีส่วนประกอบของแคลเซียม

ขณะ เธอกำลังวิเคราะห์อย่างสงสัยนั่นเอง เสียงขมังเวทย์ตะคอกถาม “อยากจะรู้ไปทำไม” แพรไพลินตกใจถามว่าใคร ขมังเวทย์ปรากฏร่างยิ้มเหี้ยมขู่ “อย่า เสี่ยงกับอำนาจที่ไม่ควรไปเกี่ยวข้อง”

พอแพรไพลินจะกดปุ่มกันขโมย ก็ถูกขมังเวทย์สะกดจนขยับไม่ได้ เห็นเธอมองอย่างตื่นกลัวก็บอกว่าไม่ต้องกลัว ตนแค่มาเอาของคืน แล้วตรงไปหยิบลูกกลมๆ จากแท่นทดสอบ พูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่ทรงพลังว่า

“เมื่อผ่านคืนนี้ไปแล้ว หมอจะจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย”

ooooooo
แสงกล้าขี่มอเตอร์ไซค์บิดมาตามสัญญาณ GPS จนถึงหน้าทาวน์โฮมของแพรไพลิน
ที่ห้องนั่งเล่น ขมังเวทย์อุ้มร่างแพรไพลินที่ขยับไม่ได้เลยไปวางที่โซฟาเบด จ้องหน้าเธอเหมือนกำลังร่ายเวทมนตร์บางอย่าง ลูบไล้ไปตามใบหน้า แพรไพลินตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว แล้วขมังเวทย์ก็ก้มลงกระซิบ
“หลับซะ...”
แพรไพลินสลบไม่ได้สติในอ้อมกอดของขมังเวทย์ทันที
แสงกล้ามองเข้าไปเห็นพอดี เขารีบวิทยุสั่งจ่าแหบขอกำลังสนับสนุนมาที่บ้านแพรไพลินทันที! ส่วนตัวเองถือปืนจ่อตะโกน “หยุดนะ!”
ขมังเวทย์กับแสงกล้าต่างจำกันได้ แสงกล้าตะโกน “แก...แกเป็นคนขโมยตรีศูลวัชระ วันนี้แกไม่มีทางหนีไปง่ายๆแน่” พอขมังเวทย์ลุกมาเผชิญหน้าคำราม “แกอีกแล้วหรือ!” แสงกล้ายิงใส่แสกหน้าทันที แต่กระสุนทุกนัดย้อนกลับไปตำแหน่งเดิม กระทั่งพุ่งกลับไประเบิดในลำกล้องจนปืนหลุดจากมือ
“หมวดไม่ควรเข้ามาขวางชะตากรรม!” ขมังเวทย์คำรามแล้วเข้าต่อสู้กันด้วยมือเปล่า แสงกล้าสู้พลังของขมังเวทย์ไม่ได้ เขาหันมองแพรไพลินอย่างเป็นห่วง ถูกขมังเวทย์จับเหวี่ยงไปกระแทกชั้นวางหนังสือแล้วตามไปจ้องหน้าสะกด
“หลังจากวันนี้ไป แกจะต้องลืมเรื่องทั้งหมด” แต่แววตาแข็งกร้าวของแสงกล้าสะกดไม่ได้ ขมังเวทย์ชะงักถาม “แกเป็นใครกันแน่?” แล้วเหวี่ยงร่างแสงกล้าไปกระทบผนังอย่างแรงจนกองกับพื้น พูดอย่างสะใจ “อโหสิด้วย...มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่แกจะรู้เรื่องทั้งหมดไม่ได้!”
ขมังเวทย์เหยียดแขนออกไป ร่างแสงกล้าลอยกลับเข้ามา คอเขาถูกบีบอย่างแรงจนร้องลั่น ขณะแสงกล้ากำลังจะหมดลมนั่นเอง เสียงไซเรนตำรวจก็แว่วมา ขมังเวทย์ชะงักปล่อยร่างแสงกล้าหนีไปอย่างไม่อยากให้เรื่องลุกลามกว่านี้
แสงกล้าพยายามพยุงตัวไปดูแพรไพลิน เธอยังไม่ได้สติ เขารวบรวมแรงอุ้มเธอเดินออกไป เจอตำรวจมาถึงพอดี พอส่งเธอให้ตำรวจบอกให้ช่วยเธอด้วย เขาก็หมดสติไปทันที...
แสงกล้าและแพรไพลินถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพสลบไม่ได้สติ ต้องให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง
ขณะไม่ได้สตินั้น แสงกล้าเหมือนฝันถึงอดีต เมื่อครั้งยังเรียนหนังสือ เวลานั้นเขาเป็นนักกีฬายูโด ได้ลงแข่งขันท่ามกลางเสียงเชียร์สุดใจขาดดิ้นของน้ำใส และการเฝ้าดูอย่างชื่นชมของอินทนนท์กับผู้อำนวยการโรงเรียน
ปรากฏว่าแสงกล้าชนะ อินทนนท์แสดงความยินดีด้วย แสงกล้าพูดอย่างซาบซึ้งกตัญญูว่า
“ถ้าไม่ได้ท่าน เด็กกำพร้าอย่างผมคงไม่มีโอกาส”
“อนาคตของเธอยังอยู่อีกไกล เรียนจบปีนี้แล้วใช่ไหม สอบเข้าเรียนต่อตำรวจนะ ฉันจะสนับสนุนเธอเต็มที่”
ผ่านการเรียนอย่างมุ่งมั่นขยันขันแข็ง ในวันที่เขาเรียนจบ และเดินเข้าไปกราบผู้การฯอินทนนท์ เอ่ยอย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณมากครับผู้การ ท่านเป็นเหมือนพ่อของผม”
อินทนนท์หันไปเปิดลิ้นชัก หยิบปืนและบัตรประจำตัวของแสงกล้าวางบนโต๊ะเลื่อนไปตรงหน้า เขาเอ่ย
“ขอต้อนรับหมวดแสงกล้าเข้าทำงานในสำนักงานสืบสวนพิเศษ ตั้งใจทำงาน เป็นตำรวจที่ดี ให้สมกับที่ฉันตั้งความหวังไว้”
แต่พอรู้สึกตัวลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือ แพรไพลินกำลังอยู่ในอันตราย ลุกเดินจากเตียงดึงสาย น้ำเกลือหยิบปืนในลิ้นชักเดินไปหาห้องของแพรไพลินทันที
พอเจอห้อง มองเข้าไปเห็นขมังเวทย์กำลังทำพิธีอะไรอยู่ปลายเตียงเธอ แสงกล้าพรวดเข้าไปเล็งปืนใส่ขมังเวทย์
“แกมาไม่ทัน มันสายไปแล้ว!” ขมังเวทย์ยิ้มเยาะ
“ไม่!” แสงกล้าตะโกนสุดเสียง ยิงปืนใส่ขมังเวทย์ไม่ยั้ง ร่างขมังเวทย์สั่นไหวเลือดสาดเต็มร่าง กระสุนนัดหนึ่งพุ่งใส่แสกหน้า หน้ากากที่ขมังเวทย์ใส่อยู่แตกกระจาย แสงกล้าตกใจสุดขีด เมื่อเห็นหน้าขมังเวทย์เป็นหน้าตัวเองที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากนั้น!!
ooooooo
แสงกล้ารู้สึกตัวขึ้นในวันต่อมา หมอชมว่ากระดูกเหล็กจริงๆไม่หักเลยสักชิ้น และอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
“เอ้อ...แล้วอาการของ...”
“หมอแพรไพลินไม่เป็นอะไรมาก แค่หมดสติไป” หมอตอบอย่างรู้ใจ แสงกล้าพยักหน้าแต่ใจยังเป็นห่วง
ที่แท้แพรไพลินรู้สึกตัวแล้ว กำลังคุยกับครามในห้องพักโรงพยาบาล แต่เธอจำอะไรไม่ได้เลย แม้ครามจะพยายามเกริ่นว่า เธอนอนหมดสติอยู่ในห้องพักและหมวดแสงกล้าเป็นคนอุ้มออกมา แพรไพลินเพียงคลับคล้ายคลับคลา ว่าจะจำได้แต่ก็จำไม่ได้
“เมื่อคืนนี้หมวดแสงกล้าวิทยุแจ้งว่า หมอกำลังตกอยู่ในอันตราย มีคนบุกรุกเข้าไปในบ้าน” ครามพยายามอีกครั้ง
“ฉันจำได้แค่ถูกพักงานจากนิติเทคฯ แล้ว...ขับรถกลับบ้าน...” จำได้เลาๆว่าพูดโทรศัพท์กับเพชรแท้ นึกถึงภาพแม่ที่ทาวน์โฮม พึมพำ “แม่...” แล้วเงียบไป
ครามบันทึกปากคำของแพรไพลินลงในไอแพด สีหน้าไม่ดี เพราะไม่ได้รายละเอียดอะไรนัก
แต่พอครามเปิดประตูออกมา เจอแสงกล้าพอดี ถามว่ามาเยี่ยมแพรไพลินหรือ แสงกล้ารีบกลบเกลื่อนว่า
“เปล่า...ผมได้ข่าวว่าเขาปลอดภัยดีก็แล้วไป ผมกำลังจะกลับไปสำนักงานสืบ”
ครามพาซื่อชวนกลับไปด้วยกัน แสงกล้าพูดไม่ออกเดินไปกับครามอย่างรู้สึกเสียดาย...
ส่วนคมศรก็โทร.มาหาแพรไพลินที่ห้องพัก พยาบาลรับสายเขาถามอาการของแพรไพลิน แต่พอจะขอคุยด้วย แพรไพลินรู้ว่าเป็นคมศรก็สวนไปว่า “ฉันปวดหัว อยากนอนพักจ้ะ” คมศรเลยได้แต่ดูภาพถ่ายคู่ของตนกับเธอบนจอมือถือแทน
เมื่อพยาบาลออกไปแล้ว แพรไพลินพึมพำ “คมศร... ระหว่างเรามันจบไปแล้ว...”
ooooooo
มาถึงสำนักงานสืบ แสงกล้าถามครามว่าจะสอบ ปากคำตนทำไม ตนไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย ถูกครามดักคอว่า
“นายเป็นตัวละครที่น่าสงสัยที่สุด เพราะนายไม่เคยสนิทสนมกับคุณหมอแพรไพลิน แต่บุกไปหาคุณหมอ กลางดึก”
แสงกล้ายิ่งแก้ตัวก็ยิ่งถูกครามแกล้ง ตัดประเด็นแก้แค้นที่แพรไพลินไม่อนุมัติให้ผ่านการตรวจสภาพจิตมาเป็นคดีชู้สาว แสงกล้ายิ่งลนรีบบอกว่าหมอไม่ใช่สเปกตน ขืนคบด้วยคงประสาทกิน ครามเลยบอกว่าตนล้อเล่นเท่านั้น แสงกล้าเขินเลยเปลี่ยนเรื่องถามครามว่าคดีความไปถึงไหนแล้ว ได้เบาะแสคนร้ายหรือยัง เล่าเป็นการเป็นงานว่า
“ผมจำได้แม่นว่า ไอ้คนที่บุกเข้าไปในบ้านหมอ แพรไพลิน เป็นคนคนเดียวกับที่เข้าไปขโมยตรีศูลวัชระ”
ครามชะงักไปทันทีเมื่อได้ฟังข้อมูลนี้
วันเดียวกัน สมิงอยู่ที่บ้าน กำลังง่วนกับการอ่านข่าวย้อนหลังในคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าๆที่พาดหัวข่าวว่า ‘โจรกรรมอุกอาจ ตรีศูลวัชระ’
“หนึ่งในเทวาศาสตราวุธหายไป?” สมิงพึมพำ พลางก็คิดถึงเรื่องที่ตัวเองเพิ่งประสบมาก่อนหน้านี้...ที่เอาลูกกลมๆมาทำลาย พึมพำ “ไสยศาสตร์ดำ...มันกลับมาแล้ว!”
สมิงอ่านข่าวต่อไป สะดุดตรงหน้าข่าวสังคมที่เขียนว่า ‘สร้อยเพชรรัดเกล้าที่ประดับด้วยเพชรยอดสังข์ จะถูกนำมาจัดแสดงในงาน เพชรในตำนาน ที่เมืองไทยต้นเดือนหน้า...’ อ่านแล้วฉุกคิดว่า
“หรือว่าพวกมันกำลังตามล่าเทวาศาสตราวุธทั้งสี่” คิดแล้วใจไม่ดี สมิงลุกเดินออกไปทันที
ooooooo
แสงกล้ากลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน อ่านข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับเทวาศาสตราวุธ เจออธิบายเกี่ยวกับเทวาศาสตราวุธทั้งสี่อันประกอบด้วย ตรีศูลวัชระ อนันตคทา จักรนารายณ์ สังข์ไชยมงคล อ่านแล้วพึมพำอย่างไม่เชื่อถือว่า ยังมีเรื่องตลกแบบนี้ด้วยเหรอ?
ไปค้นคัมภีร์เก่าจากชั้นหนังสือ จากอินเตอร์เน็ตเจอรายละเอียดอีกว่า ‘หากผู้ใดหลอมรวมศาสตราอาวุธทั้งสี่ด้วยทองคำแท้บริสุทธิ์ในคืนเดือนดับ...ศาสตราวุธใหม่ที่ได้จะมีอานุภาพทำลายล้างมากกว่าอาวุธทุกชนิด ในโลก’
“เฮ้ย...นี่มันหนังเอ็กซ์เมน หรือว่าแฮรี่พอตเตอร์กันแน่!!” แสงกล้าพึมพำขำๆอย่างไม่เชื่อถือ ค้นหาต่อไปยังพบว่า ‘ผู้ครอบครองยังจะมีพลังเหนือคน!! ครองใจและมีอำนาจเหนือสรรพสิ่งทั้งมวล!’ อ่านถึงตอนนี้ แสงกล้า กลายเป็นเครียดกังวลเรื่องนี้ขึ้นมา

สมิงออกไปยืนที่หน้าบ้าน หลับตาก้มหน้าพึมพำปฏิญาณ “ข้าขอสัญญา...ข้าจะพิทักษ์และปกป้องไม่ให้ไสยศาสตร์ดำช่วงชิงเทวาศาสตราวุธไปได้...แม้ต้องแลกด้วยชีวิตข้า” เขาแหงนหน้ามองฟ้าแววตากล้า!
ooooooo
แสงกล้าไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เขาอึ้งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ครามเอากาแฟมาให้ถามว่า
“เป็นไง...คดีลึกลับน่าสนใจใช่ไหมล่ะ” แสงกล้าปิดคอมฯ หันมาหัวเราะพูดขำๆ
“บ้ากันใหญ่แล้ว แค่มีของสี่อย่างจะทำให้มีอำนาจเป็นเจ้าโลก อย่างนี้พวกผู้นำประเทศบ้าอำนาจไม่ต้องสะสมอาวุธสงครามให้เสียเวลาหรอก นิทานหลอกเด็ก”
“แต่ตอนนี้มันกำลังหลอกผู้ใหญ่อย่างเรา เพราะ ผบ.รวิสั่งให้นายทำคดีนี้!”
“อะไรนะ!!!” แสงกล้าชักสีหน้าไม่พอใจทันที เขาลิ่วไปหา ผบ.รวิ โยนแฟ้มใส่ถามว่า “สำนักงานสืบฯ ว่างงานนักหรือถึงต้องทำคดีนิทานหลอกเด็กแบบนี้”
รวิปรามว่าเขาไม่มีสิทธิ์ตั้งคำถามกับผู้บังคับบัญชาแบบนี้ ถูกแสงกล้าสวนไปอย่างเรื่องคับข้องใจว่า
“คิดไว้ไม่มีผิด พวกที่ได้อำนาจมาโดยมิชอบมักจะหลงในอำนาจโดยไม่รู้ว่าอำนาจที่แท้จริงมันต้องมาจากทั้งพระเดชและพระคุณ” ประกาศกร้าวว่า “ผม
ไม่ทำคดีนี้!”
แต่ในที่สุดแสงกล้าก็รับทำ เพราะถูกรวิดักคอว่า “ถ้าคิดว่าตัวเองแน่จริงสมกับตำแหน่งเรียนดีเกียรตินิยมเหรียญทอง นายต้องเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้”
แต่แสงกล้าก็ย้ำกับรวิว่าตนทำคดีนี้เพราะต้องการพิสูจน์ตัวเอง พูดแล้วเดินออกไป รวิพูดตามหลังว่า “ขอให้สำเร็จนะ ฉันส่งสายสืบมือดีให้นายแล้ว”
หลังจากนั้น ผบ.รวิโทรศัพท์บอกวิญญูว่า “ไม่ต้องห่วง...ทางสะดวกแล้ว ไอ้บ้าระห่ำต้องทำงานกับลูกน้องงมงาย ยังไงมันก็ไม่มีทางสืบเรื่องนี้สำเร็จ!”
ส่วนครามถามแสงกล้าว่า “ผบ.รวิส่งใครมาเป็นบัดดี้” แสงกล้ากดเปิดโปรไฟล์ในอีเมล์ ขึ้นเป็นหน้าสมิง! แสงกล้าทำหน้าเซ็งสุดขีด
ooooooo
วันต่อมาแสงกล้าไปหาสมิงยังแฟลตที่พัก เข้าห้องไปไม่เจอใครเลย เห็นแต่ควันธูปลอยคลุ้งอยู่หน้าพระพุทธรูป ขณะยืนกวาดตามองหาสมิงนั้น ถูกสมิงถามจากข้างหลังว่า “นายเป็นใคร”
แสงกล้าแนะนำตัวเองแก่สมิงว่า ได้รับคำสั่งให้มาเป็นเจ้านายคนใหม่ของเขา แล้วสั่งให้เปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปทำงานกัน ให้เวลา 10 นาที สมิงบอกว่าขอแค่ 5 นาทีก็พอ
5 นาทีต่อมาสมิงออกมาในชุดสีสันแสบตา แสงกล้าบอกให้ไปเปลี่ยนใหม่ เพราะนี่ไปทำงานไม่ใช่ไปเที่ยวงานวัด ถูกสมิงยียวนว่าชุดนี้ซื้อใหม่ยังไม่ได้ซักเลย แสงกล้าถอนใจต้องเปลี่ยนใหม่เป็นบอกว่า “ไปเปลี่ยนชุดอื่น ไม่ใช่สีสันบาดตาแบบนี้”
“ไม่ได้จริงๆ หมวด ผมขอเถอะ วันนี้เป็นวันกาลกิณีอัปรีย์เป็นไชโย ต้องใส่สีแรงๆ แดงส้มเหลืองจะเมลืองมงคล” แสงกล้าละเหี่ยใจจะเดินออกไป สมิงเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนหมวด หมวดเกิดวันอังคาร พญามารผลาญชีวา ให้ก้าวขวาพญาเดโช”
แสงกล้าทำท่าจะทำตาม แต่แล้วเปลี่ยนเป็นก้าวเท้าซ้ายให้เห็นว่าไม่เชื่อเรื่องงมงาย
“เท้าซ้าย! ซวยแล้วกู...วันนี้ไม่น่ารอด” สมิงอุทานแล้วตั้งสติก้าวเท้าขวาออกไป แต่เดินไม่ค่อยจะทันแสงกล้า
แสงกล้าเดินงุดๆไปที่รถบ่นว่า “ชาติที่แล้วติดหนี้ยืมสินรึไง ถึงต้องมาชดใช้ทำงานร่วมกับคนแบบนี้ ทำคนเดียวก็ได้วะ” แต่พอเปิดประตูรถก็ชะงัก เห็นสมิงนั่งอยู่ข้างคนขับแล้ว ซ้ำบอกว่ามารอเขาอยู่นานแล้วด้วย
พอขับรถออกไป แสงกล้าถามอย่างไม่หายสงสัยว่าเข้ามาในรถตั้งแต่เมื่อไหร่ สมิงบอกว่าตอนที่หมวดยืนบ่นนั่นแหละ แล้วเปลี่ยนเรื่องถามที่ทำให้แสงกล้ายิ่งงงว่า “แล้ววันนี้เราจะเริ่มสืบตามหาตรีศูลวัชระจากที่ไหน”
“รู้เรื่องนี้ได้ไง ผมเพิ่งรับคำสั่งมา นอกจากผู้กองคราม ไม่มีใครรู้สักคน”
สมิงคุยโวว่าทำงานแต่หนุ่มจนปูนนี้ มันก็ต้องมีสายข่าวกันบ้าง ถามว่า “หมวดจะสืบหาตรีศูลวัชระจากที่ไหน” พอแสงกล้าบอกว่าร้านรับซื้อของเก่า สมิงส่ายหน้า “อย่าไปเลยหมวด เสียเวลา เชื่อผมเถอะ ของแบบนี้ไม่มีใครขายให้พวกนักสะสมหรอก”
“มันก็จริง” แสงกล้าทำท่าเหมือนเชื่อความคิดของสมิง แต่กลับขับรถไปที่ร้านค้าของโบราณ สมิงบ่นงึมงำ
“ตำรวจใหม่ไฟแรง มันต้องดื้อทุกคนสิวะ!!”
ปรากฏว่าไปร้านค้าของโบราณร้านแล้วร้านเล่าล้วนถูกปฏิเสธ แต่แสงกล้ายังทิฐิจะหาต่อ สมิงเสนอว่า
ให้ตนเป็นคนนำทางดีกว่า แสงกล้าลังเล เลยหยอดว่า “เชื่อลูกน้องสักครั้งไม่ถูกลดขั้นหรอก” แสงกล้าจึงเดินเลี่ยงไปขึ้นรถอย่างรำคาญ สมิงขึ้นนั่งที่คนขับ ออกรถไปทันที
ooooooo

No comments:

Post a Comment